Watt Meter (วัตต์มิเตอร์)
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ เครื่องมือวัด ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ในด้านงานด้านไฟฟ้า คือ Watt Meter (วัตต์มิเตอร์) ซึ่งหลายๆท่านอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดีกับ เครื่องมือวัด ชนิดนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของปริมาณค่าพลังงานไฟฟ้าที่ต้องจ่ายให้กับวงจรและในระบบไฟฟ้า โดยจะมีการแสดงผลในหน่วยวัตต์ (Watt) ซึ่งเป็นหน่วยวัดแบบมาตรฐานที่ใช้สำหรับการใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบซึ่งจะมีแบ่งออกเป็นสองประเภทที่ใช้กันทั่วไปในภาคอุตสาหกรรมหรือระบบอาคาร ดังนี้
- Analog Watt Meter (อนาล็อกวัตต์มิเตอร์) เป็นตัวที่แสดงผลการอ่านค่าแสดงแหล่งจ่ายไฟผ่านเข็มและมาตรวัดระดับน้ำ
- Digital Watt Meter (ดิจิตอลวัตต์มิเตอร์)เป็นตัวที่จะมีการแสดงการใช้พลังงานบนจอแสดงผลคริสตัลเหลว (LCD)
โดยทั่วไปแล้ว Watt Meter จะถูกจัดเรียงลำดับสำหรับช่วงแรงดันไฟฟ้าที่ถูกตั้งไว้ แต่อาจรวมถึงคุณลักษณะต่างๆเอาไว้ เช่น ตัวก๊อกขดลวดซึ่งมีแรงดันไฟฟ้าหลายตัว
โดยปกติทั่วไปแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆนั้นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่ขึ้นอยู่กับชุดของค่าแรงดันไฟฟ้าที่มีกำหนดการใช้งานในปัจจุบันที่จะมีการแสดงเป็นแอมป์ (A) ในส่วนของการใช้พลังงานโดยรวมนั้นที่มีค่าแสดงผลเป็นวัตต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่มีติดตั้งใช้งานพลังงานที่มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆแล้วนั้น ตัว Watt Meter (วัตต์ มิเตอร์) ก็จะสามารถช่วยให้ตรวจสอบอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อที่จะได้กำหนดว่า วงจรในระบบ ทำงานอย่างถูกต้องครบวงจรถูกต้องหรือไม่
ซึ่งข้อมูลนี้จะมีความสำคัญในการติดตั้งระบบหรือกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้โหลดตัวต้านทานขนาดใหญ่ ซึ่งวัตต์ในการติดตั้งระบบการทำงานดังกล่าวนั้นจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้ดูแลงานสามารถติดตามผลของการทำงานในระบบไฟฟ้าของแต่ละวงจรได้สมบูรณ์และมีความสมดุลของพลังงานไฟฟ้าโดยรวม
รูปแบบพื้นฐานของวัตต์ (Watt) ถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ
- วัตต์แบบดั้งเดิม หรืออนาล็อก เป็นเครื่องมือทางไฟฟ้า ประกอบด้วยสามขดลวดภายใน และแบบสองขดลวดคงที่ในปัจจุบันและยังมีแบบขดลวดที่มีศักยภาพที่สามารถเคลื่อนย้ายซึ่งมีเข็มตัวบ่งชี้ที่จะแนบมา เมื่อมีกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งผ่านมาทั้งสองขดลวดโดยในปัจจุบันสนามแม่เหล็กไฟฟ้านั้นจะถูกสร้างขึ้น ฟิลด์นี้ทำให้ขดลวดเคลื่อนที่และแสดงค่าบนสเกลด้านหลังเข็ม
- วัตต์มิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์หรือดิจิตอล อุปกรณ์เหล่านี้นั้นจะมีความแตกต่างจากเครื่องวัดไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งในวิธีที่พวกเขาคำนวณการใช้พลังงานไฟฟ้านั้น เครื่องวัดดิจิตอลจะมีวิธีการคือ ใช้ไมโครโปรเซสเซอร์เพื่อประเมินค่าแรงดัน และแอมแปร์จากวงจรไฟฟ้าที่มีความถี่หลายพันตัวอย่างต่อวินาที โดยตัวอย่างเหล่านี้ก็จะมีการใช้เพื่อคำนวณหาค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้าเฉลี่ยหรือค่าการใช้พลังงานไฟฟ้า การอ่านค่าก็จะถูกแสดงผลออกมาในรูปแบบดิจิตอลบนจอแอลอีดี
วัตต์มิเตอร์ เป็นเครื่องมือประเภทที่ค่อนข้างอ่อนไหวและแปรผันค่อนข้างมากและอาจจะได้รับความเสียหายจากค่ากระแสไฟฟ้าที่มีมากเกินไป เช่นเดียวกับเครื่องมือวัดทางไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อค่าวัตต์นั้น ก็จะถูกจัดอันดับเอาไว้สำหรับช่วงแรงดันไฟฟ้าที่มีความจำเพาะ แต่ มิเตอร์ระดับไฮเอนด์หลายประเภทก็จะมีอุปกรณ์พวกก๊อกคอยล์หรือสวิตช์กระแสแบบอนุกรม
หรือแบบขนาน ที่จะนำมาช่วยช่วยให้อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้งานสำหรับช่วงค่าแรงดันไฟฟ้าหลายๆช่วง
วิธีการดูแลรักษาเครื่องมือ Watt Meter (วัตต์มิเตอร์)
- ทำความสะอาดเครื่องมือหลังการใช้งาน โดยขจัดสิ่งสกปรก, เศษผงออกให้หมดก่อนจัดเก็บเครื่องมือ
- ห้ามดัดแปลงเครื่องมือในการใช้งานนอกเหนือจากคู่มือการใช้งานเพื่อป้องการเสียหายต่อผู้ใช้งานและระบบการทำงานของไฟฟ้า
- จัดเก็บเครื่องมือและป้องกัน เครื่องมือวัด ไม่ให้เกิดสนิม, การกระแทก, การกดทับ, การตกจากที่สูง หรือสิ่งใดๆที่จะทำให้เกิดความเสียหาย
- ควรมีการสอบเทียบเครื่องมือวัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความแม่นยำในการอ่านค่าของเครื่องมือวัด สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ ความสมบูรณ์ ค่าความถูกต้องและความแม่นยำของเครื่องมือวัด ที่มีความสำคัญที่สุด ถามว่าต้องทำอย่างไรนั้น ทางผู้ใช้งานจะมีวิธีดังนี้คือ เมื่อซื้ออุปกรณ์มาติดตั้งแล้วเสร็จนั้น ทางผู้ใช้งานเองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอบเทียบ (Calibration) เพื่อทางผู้ใช้งานจะได้สามารถรู้ค่าความแม่นยำความถูกต้อง ว่าค่าที่แสดงที่จอแสดงผลนั้น มีความถูกต้องตรงตามสเปคหรือไม่ หรือหากผิดเพี้ยนไปจากสเปคที่ทางผู้ใช้งานใช้วัดชิ้นงานนั้น ทางผู้ใช้งานก็จะได้มีการแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้วัดกับตัวชิ้นงาน เพื่อลดความเสียหายและความผิดพลาดจากการติดตั้งอุปกรณ์
โดยทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (CLC) มีให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) เครื่องมือด้านไฟฟ้าหลากหลายประเภท รวมถึง เครื่องมือวัตต์มิเตอร์
ซึ่งทางบริษัทแคลิเบรชั่น ให้ บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) มีบริการทั้งรูปแบบ รับส่งเครื่องฟรี และ การบริการ Onsite Service
และได้การรับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 จากสถาบัน สมอ. และ ANAB
ผู้เขียน THM_Melo
—