การทำงานในการ วัดความต้านทานฉนวน และการบำรุงรักษา
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ วันนี้ทางผู้เขียนก็มีเครื่องมือที่น่าสนใจมาแนะนำกันอีกหนึ่งตัวค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าเป็นเครื่องมืออะไร และจะใช้เจ้าเครื่องมือนี้ทำอะไรได้บ้าง งั้นเราไปดูกันเลยค่ะ
รูปที่ 1
ตัวอย่างเครื่อง INSULATION TESTERS ทั้งแบบ ANALOG และ DIGITAL
เครื่องทดสอบความเป็นฉนวนไฟฟ้า (Insulation Tester)
คือ เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบดูว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องใช้ทางไฟฟ้าของทุกท่านมีความผิดปกติเกี่ยวกับฉนวนไฟฟ้าหรือไม่ค่ะ ซึ่งในปัจจุบันก็มีทั้งแบบ ANALOG และ DIGITAL ทุกท่านก็สามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวกเลยค่ะ (เลือกได้ตามราคาที่เหมาะสมนะ)
หรือจะเรียกว่าเป็น เครื่องมือ ที่ใช้วัดความต้านทานชนิดพิเศษ โดยการวัดนั้นเครื่องมือวัดก็จะแสดงค่าเป็นหน่วยของความต้านทานที่มีค่าสูงมาก ซึ่งเรียกกันว่า เมกะโอห์ม (MΩ) นั่นเองค่ะ โดยไอ้เจ้าค่าความต้านทานดังกล่าวที่พูดถึงเนี่ย ก็จะเป็นค่าที่บ่งบอกถึงคุณสมบัติการเป็นฉนวนไฟฟ้าหรือเป็นเครื่องชี้บ่งว่าเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ท่านหรือเพื่อนร่วมงานใช้อยู่มีกระแสไฟฟ้ากำลังรั่วลงดินอยู่หรือเปล่า (ถ้ารั่วนี่อันตรายมากนะคะทุกคน) ซึ่งถ้าอุปกรณ์ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ทางไฟฟ้ามีความผิดปกติเกี่ยวกับฉนวนไฟฟ้าก็อาจจะทำให้ผู้ใช้งานถูกไฟฟ้าดูดจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หรือถ้ายิ่งไปกว่านั้นอาจจะทำให้เกิดเพลิงไหม้เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจรได้เลยนะคะ เห็นไหมว่าเครื่องมือตัวนี้มีความสำคัญไม่น้อยเลย
รูปที่ 2
หลักการทำงานในการ วัดความต้านทานฉนวน
เครื่องทดสอบความเป็นฉนวน Insulation Tester ทุกท่านเคยเห็นการทดสอบการหารอยรั่วของท่อน้ำประปาไหมคะ เมื่อใส่แรงดันน้ำสูงๆเข้าไปในท่อ เมื่อตรงไหนรั่วตรงนั้นก็จะมีน้ำไหลออกมา ลักษณะเดียวกันเลยค่ะ การทดสอบหลักๆของเครื่องทดสอบความเป็นฉนวนก็จะคล้ายกับการตรวจสอบหารอยรั่วของท่อประปา โดยถ้าเราอยากรู้ว่าอุปกรณ์นั่นๆมีไฟรั่วหรือไม่เราก็จะป้อนแรงดันสูงๆเข้าไป โดยใช้เครื่องทดสอบความเป็นฉนวนไฟฟ้าเป็นตัวจ่ายแรงดันดังกล่าว เพื่อหาจุดรั่วไหลของกระแสไฟ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ระบบไฟ 220 โวลต์ ทดสอบโดยใช้แรงดันไฟ 500 โวลต์ ซึ่งมีย่านการวัดได้ถึง 200 เมกะโอห์ม(MΩ) อุปกรณ์ที่ใช้ระบบไฟ 380 โวลต์ ทดสอบโดยใช้แรงดันไฟ 1000 โวลต์ ซึ่งมีย่านการวัดได้ถึง 1000 เมกะโอห์ม(MΩ)
โดยการทดสอบความเป็นฉนวนไฟฟ้าสามารถอธิบายได้ดังรูป
รูปที่ 3 ที่มา : https://mall.factomart.com
เมื่อป้อนแรงดันกระแสตรงที่มีค่าสูงๆ ให้กับตัวต้านทานฉนวนที่ต้องการวัด (Rx) ทำการวัดค่ากระแส (I) และค่าแรงดันที่ตกคร่อม (V) ตัวต้านทานฉนวน (Rx) หลังจากนั้นนำค่าแรงดันตกคร่อมที่ได้ (V) หารด้วยกระแส (I) ก็จะได้ค่าความต้านทานฉนวน (Rx)
เราสามารถใช้ เครื่องมือวัด นี้ทำอะไรได้บ้าง
- ใช้วัดค่าความเป็นฉนวนของอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือตัวรถยนต์เอง ตามศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์
- ใช้วัดค่าความเป็นฉนวนของสายเคเบิ้ล
- ใช้วัดค่าความเป็นฉนวนของเครื่องมือเครื่องใช้ใหม่ในไลน์ผลิต หรือสายไฟเลี้ยง
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ หม้อแปลงไฟฟ้าในเครื่องจักร ฯลฯ
- ใช้วัดค่าความเป็นฉนวนในอุปกรณ์ไฟฟ้าของเครื่องจักรเก่าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น หม้อแปลง ฉนวนของมอเตอร์ไฟฟ้า สายไฟภายในโรงงาน ฯลฯ
การวัดความต้านทานฉนวนใช้วัดเพื่ออะไร
อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าเครื่องมือเครื่องใช้ทางไฟฟ้า หรือเครื่องจักรต่างๆเองก็ดี ทุกอย่างล้วนมีสายไฟ มอเตอร์ หรือแม้กระทั่งหม้อแปลง สิ่งเหล่านี้ล้านมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
สาเหตุของการเกิดฉนวนเสื่อม
- ความเสียหายทางกล (การกระแทก การเจาะ การสั่น)
- ความร้อนหรือความเย็นสูงเกินไป
- ฝุ่น, สิ่งสกปรก
- น้ำมัน
- ไอกัดกร่อน
- ความชื้นหรือเปียก
การเสื่อมสภาพต่างๆเหล่านี้ หรือเรียกว่ามีอายุการใช้งานที่จำกัดอยู่แล้ว ซึ่งหากอุปกรณ์ที่กล่าวมาเกิดการชำรุดเสียหายก็จะทำให้เกิดไฟรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร เราจึงใช้ เครื่องมือวัด ความต้านทานฉนวน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงาน ที่ทำงานนั้นๆ รวมทั้งป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียตามมาภายหลัง
การวัดค่าความเป็นฉนวนไฟฟ้าควรทำบ่อยๆ และสม่ำเสมอและควรมีการจดบันทึกค่าความต้านทานของฉนวนไว้ด้วยทุกครั้งเพื่อใช้ประเมินความเสี่ยง หรือใช้เป็นข้อมูลเพื่อให้สามารถเช็คได้ว่าควรมีการเปลี่ยนมอเตอร์ หรือสายไฟนั้นหรือยัง ซึ่งค่าความต้านทานของฉนวนไม่ควรต่ำกว่า 100 MΩ หลังจากที่มีการ Apply Volt ที่ 1.0 kV เป็นเวลา 60 วินาที ถ้าไม่ผ่านควรเตรียมเปลี่ยนสายไฟพันหรือเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่ทันที ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานทุกคนนะคะ
การบำรุงรักษาเครื่องมือวัด
ถ้าเราอยากให้เครื่องมือวัดนี้อยู่กับเราไปนานๆ หรือมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น สิ่งที่ควรตรวจสอบก็มีดังนี้นะคะ
- หมั่นเช็ดทำความสะอาดเครื่องมือเป็นประจำ
- เก็บเครื่องให้อยู่ในที่ที่สะอาดไม่มีสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น น้ำหรือ น้ำมัน และไม่อยู่ในที่ที่มีอากาศชื้น
- ควรตรวจดูรางถ่านเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสื่อมสภาพของถ่านเพราะจะทำให้เครื่องมือเสียหายได้
- ไม่จัดเก็บเครื่องมือให้อยู่ในสภาพอากาศที่เย็นหรือร้อนเกินไป
- ไม่จัดเก็บเครื่องมือให้อยู่ใกล้เครื่องจักรที่มีการทำงาน หรือมีแรงสั่นสะเทือน จากการเจาะ การกระแทก
- สอบเทียบเครื่องมือวัด อยู่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าค่าที่วัดได้จะถูกต้อง เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการวัดที่ผิดเพี้ยน
เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มและยืดอายุการใช้งานเครื่องมือได้ยาวนานยิ่งขึ้นแล้วค่ะ
เห็นไหมล่ะคะว่า เครื่องมือวัด นี้มีความจำเป็นไม่น้อยเลย หากเราหมั่นทำการตรวจเช็คสภาพของอุปกรณ์ที่เราใช้แล้วก็สามารถช่วยป้องกันภัยอันตรายที่จะเกิดกับตัวเราเองและเพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย
ทั้งนี้ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราก็ยังมีเครื่องมือประเภทนี้จำหน่ายกันด้วยนะคะรวมทั้งยังสามารถ สอบเทียบเครื่องทดสอบความเป็นฉนวนไฟฟ้า (Insulation tester) ได้ โดยได้รับการรับการรับรอง ISO/IEC 17025 (ANAB) หากท่านใดสนใจในบริการของเราสามารถติดต่อเราได้ทุกช่องทางการติดต่อเลยนะคะ
Katai
—